คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
คำถามที่ 1:
ถ้าต้องการปรึกษาคดี จะสามารถติดต่อทนายอริสาได้อย่างไร?
คำตอบ:
สามารถติดต่อได้โดยตรงผ่านโทรศัพท์หรือ Line เพื่อพูดคุยรายละเอียดเบื้องต้นก่อน
📞 02-114-7521
📱 062-112-2333
🌱 Line ID: Arisa_akikum
ทนายให้คำปรึกษาเองทุกเคส ไม่ส่งงานต่อ และดูแลคดีอย่างใกล้ชิด
คำถามที่ 2:
ทนายอริสาเชี่ยวชาญคดีประเภทไหนเป็นพิเศษ?
คำตอบ:
ทนายอริสามีประสบการณ์ใน คดีครอบครัว, หย่า, แบ่งสินสมรส, สิทธิผู้ปกครองบุตร, คดี แพ่ง–ฟ้องบังคับคดี, คดี อาญา, คดีที่ดิน–มรดก และการ ไกล่เกลี่ยประนีประนอม
จุดเด่นคืออธิบายเข้าใจง่าย ไม่ใช้ศัพท์กฎหมายซับซ้อน และวางแนวทางคดีอย่างเป็นระบบ
คำถามที่ 3:
อยากปรึกษาทนาย แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะฟ้องดีหรือไม่ ทำอย่างไร?
คำตอบ:
ทนายอริสาเข้าใจดีว่าการฟ้องคดีไม่ใช่เรื่องเล็ก
สามารถเริ่มจาก การประเมินคดีเบื้องต้นก่อน เพื่อดูว่า
มีสิทธิและหลักฐานเพียงพอหรือไม่
ฟ้องแล้วมีโอกาสชนะคดีมากน้อยแค่ไหน
ทางเลือกอื่นนอกจากการฟ้อง (เช่น ไกล่เกลี่ย) มีผลดีอย่างไร
ทนายจะให้ข้อมูลตามความจริง ไม่ชี้นำ ไม่เร่งฟ้อง
คำถามที่ 4:
ทนายอริสาคิดค่าบริการอย่างไร?
คำตอบ:
ทนายคิดค่าบริการ ตามประเภทคดี และปริมาณงานจริง
ทนายจะอธิบายค่าใช้จ่ายแบบชัดเจนตั้งแต่แรก
ไม่มีการบวกเพิ่มภายหลัง และทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง
เพื่อความสบายใจ โปร่งใส และตรวจสอบได้
คำถามที่ 5:
ถ้าอยู่ต่างจังหวัด จะใช้บริการทนายอริสาได้หรือไม่?
คำตอบ:
ได้ครับ
ทนายอริสาเป็นสมาชิกเครือข่ายทนายความระดับประเทศ
หากคดีต้องดำเนินการนอกพื้นที่ ทนายสามารถประสานทนายในจังหวัดนั้นช่วยดูแลร่วมกัน
ทำให้ลูกความได้รับบริการที่รวดเร็ว เข้าใจพื้นที่ และคุยงานง่ายขึ้น
เกี่ยวกับทนายอริสา
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
คำถามที่ 1:
เครือข่ายทนายความคืออะไร และแตกต่างจากการหาทนายทั่วไปอย่างไร?
คำตอบ:
เครือข่ายทนายความ คือ ระบบที่เชื่อมทนายความทั่วประเทศไทยเข้าด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อทนายในพื้นที่จริงได้ทันที
ข้อดีคือ
คุยกับ ทนายในจังหวัดของคุณ
เข้าใจ ศาลในพื้นที่
ติดต่อง่าย ไม่ต้องเดินทางไกล
บริการเป็นระบบ มีการประสานงานจากศูนย์กลาง
จึงช่วยลดความยุ่งยาก และเพิ่มโอกาสได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในคดี
คำถามที่ 2:
ถ้าต้องการปรึกษาคดี จะเริ่มต้นอย่างไร?
คำตอบ:
เพียงแจ้ง
จังหวัด
ประเภทคดี
เบอร์โทร / Line
ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่าย
จะมีทนายในพื้นที่โทรกลับภายในระยะเวลาอันสั้น
เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนดำเนินการให้ทันที
คำถามที่ 3:
เครือข่ายทนายความรับดูแลคดีประเภทใดบ้าง?
คำตอบ:
ครอบคลุมทุกประเภทคดี เช่น
คดีครอบครัว หย่า แบ่งสินสมรส สิทธิผู้ปกครอง
คดีที่ดิน มรดก ตั้งผู้จัดการมรดก
คดีแพ่ง ฟ้องบังคับคดี หนี้-ไฟแนนซ์-คืนรถ
คดีอาญา หมิ่นประมาท พรบ.คอมพิวเตอร์
คดีอุบัติเหตุ เรียกค่าสินไหม
คดีแรงงาน และคดีธุรกิจ
ทุกเคสมีการประเมินโอกาสชนะคดี และแนวทางต่อรองที่เหมาะสมก่อนดำเนินการจริง
คำถามที่ 4:
ค่าบริการของเครือข่ายคิดอย่างไร? จะมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือไม่?
คำตอบ:
ค่าบริการคิดตามประเภทคดีและขั้นตอนงานจริง
มีการ
อธิบายค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มงาน
ทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
ไม่มีการเรียกเงินเพิ่มภายหลังโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
เน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลูกความเข้าใจเงื่อนไขชัดเจนก่อนตกลงดำเนินการ
คำถามที่ 5:
ถ้าอยู่ต่างจังหวัด หรือคดีเกิดคนละพื้นที่ จะใช้บริการได้หรือไม่?
คำตอบ:
ได้แน่นอน
เครือข่ายมีทนายประจำ ครบทั้ง 77 จังหวัด
สามารถจับคู่ ทนายในพื้นที่เกิดคดี ได้ทันที
ทำให้
เดินเรื่องได้เร็ว
ลดค่าเดินทาง
เข้าศาลสะดวก
พร้อมการประสานงานจากศูนย์กลางโดย ทนายภูวงษ์ โพธิ์ไทร เพื่อดูแลทุกเคสให้ราบรื่น
เกี่ยวกับเครือข่ายทนายความ โดยทนายภูวงษ์ โพธิ์ไทร
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
คำถามที่ 1:
ทำไมเวลามีคดีในฉะเชิงเทราถึงควรเลือกทนายอริสา?
คำตอบ:
เพราะทนายอริสา เป็นทนายความในพื้นที่จริง รู้ระบบงานศาล หน่วยงานราชการ และขั้นตอนเอกสารในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นอย่างดี
จึงช่วยให้การดำเนินคดี เป็นไปอย่างรวดเร็วกว่า เข้าใจสถานการณ์จริงกว่า และแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่า
ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินเรื่อง
คำถามที่ 2:
ทนายอริสาเชี่ยวชาญคดีประเภทใด?
คำตอบ:
ทนายอริสาเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในคดี
คดีครอบครัว (หย่า, แบ่งสินสมรส, สิทธิผู้ปกครองบุตร)
คดีแพ่ง–บังคับคดี–หนี้–คืนรถไฟแนนซ์
คดีอาญา (หมิ่นประมาท, ฉ้อโกง, พรบ.คอมฯ)
คดีมรดกและตั้งผู้จัดการมรดก
และมีจุดเด่นในการ เจรจาไกล่เกลี่ยให้ได้ข้อยุติโดยไม่ต้องขึ้นศาล เมื่อเป็นไปได้
คำถามที่ 3:
ถ้าลูกความไม่มีความรู้ทางกฎหมายเลย จะคุยกับทนายได้ไหม?
คำตอบ:
ได้แน่นอนค่ะ
ทนายอริสา อธิบายเป็นภาษาคน ไม่ใช้ศัพท์กฎหมายที่ทำให้สับสน
ทุกอย่างจะอธิบายเป็นขั้นตอน มีตัวอย่างประกอบ และแจ้งข้อดี–ข้อเสียก่อนตัดสินใจ
ลูกความจะ เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน ไม่ต้องเดา ไม่ต้องกังวล
คำถามที่ 4:
ค่าใช้บริการเป็นอย่างไร? กลัวโดนบวกเพิ่มภายหลัง
คำตอบ:
ทนายอริสาใช้หลัก โปร่งใสและตรวจสอบได้
แจ้งค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มงาน
ทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
ไม่มีค่าดำเนินการแฝง
ไม่มีการเรียกเพิ่มโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
ลูกความจะรู้ ทุกขั้นตอนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่แรก สบายใจได้
คำถามที่ 5:
อยู่ต่างอำเภอ หรืออยู่นอกจังหวัด ใช้บริการได้ไหม?
คำตอบ:
ได้ค่ะ
ทนายอริสาเป็นสมาชิกเครือข่ายทนายความระดับประเทศ
จึงสามารถ
ประสานทนายในพื้นที่ต่างจังหวัด
ทำเอกสารร่วม
เดินเรื่องศาลแทนได้
ลูกความสามารถปรึกษาได้ ทั้งทางโทรศัพท์, Line, วิดีโอคอล และนัดหมายแบบตัวต่อตัว
เกี่ยวกับทนายความจังหวัดฉะเชิงเทรา — ทำไมต้องเลือกทนายอริสา
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
คำถามที่ 1:
คดีมรดกต้องเริ่มต้นยังไงก่อน? ต้องไปที่ศาลเลยไหม?
คำตอบ:
ไม่จำเป็นต้องไปศาลทันทีค่ะ
คดีมรดกต้องเริ่มจาก การตรวจสอบทรัพย์มรดกก่อน เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ บัญชีธนาคาร ฯลฯ รวมถึง ตรวจสอบทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดก
ทนายอริสาจะช่วย
ตรวจสอบเอกสาร
ประเมินจำนวนทรัพย์
ตรวจสอบรายชื่อทายาท
วางแผนดำเนินการตามกฎหมาย
เพื่อให้ดำเนินคดีได้ ถูกรูปแบบ ไม่เสียสิทธิ และไม่ขัดแย้งในครอบครัว
คำถามที่ 2:
ถ้าญาติไม่ยอม หรือไม่อยากตั้งผู้จัดการมรดก ต้องทำอย่างไร?
คำตอบ:
กรณีที่ญาติไม่ยอม หรือมีความขัดแย้งกัน
ทนายอริสาจะช่วย
พูดคุยไกล่เกลี่ยให้
ชี้สิทธิ์ของแต่ละฝ่ายตามกฎหมาย
จัดทำคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกแทน
และยื่นศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้ง
ซึ่งเป็นวิธีที่ ปลอดภัยที่สุด ถูกต้องตามกฎหมาย และเคารพสิทธิทุกฝ่าย
คำถามที่ 3:
ถ้าเอกสารบางส่วนหาย จะดำเนินการเรื่องมรดกได้ไหม?
คำตอบ:
ได้ค่ะ
ทนายอริสามีประสบการณ์ ตามเรื่องเอกสารทดแทน เช่น
ค้นสำเนาทะเบียนบ้าน
ค้นข้อมูลที่ สำนักงานที่ดิน
ขอคัดคำพิพากษา / มรณะบัตร
จึงสามารถประสานงานเพื่อ ออกเอกสารใหม่หรือค้นข้อมูลที่จำเป็น ได้อย่างครบถ้วนก่อนดำเนินคดี
คำถามที่ 4:
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าคดีมรดกจะเสร็จ?
คำตอบ:
ระยะเวลาขึ้นอยู่กับจำนวนทรัพย์และจำนวนทายาท
แต่โดยทั่วไป
ยื่นคำร้องตั้งผู้จัดการมรดก
นัดไต่สวน
ศาลมีคำสั่งตั้ง
ใช้เวลาโดยประมาณ 1–3 เดือน
ถ้าฝั่งญาติยินยอมทั้งหมด เรื่องจะเร็วขึ้นมาก
ทนายอริสาจะวางแผนให้แต่ละขั้นตอน เดินหน้าไม่สะดุด
คำถามที่ 5:
ทำไมต้องเลือกทนายอริสาดูแลคดีมรดก?
คำตอบ:
เพราะคดีมรดกไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่เกี่ยวข้องกับ ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ทนายอริสามีจุดเด่นคือ
พูดคุยเป็นกลาง ไม่เพิ่มความขัดแย้ง
อธิบายให้เข้าใจง่าย ไม่กดดัน
มีประสบการณ์คดีมรดกในฉะเชิงเทราและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก
ทำงานเป็นระบบ ตั้งแต่ตรวจเอกสาร → ยื่นคำร้อง → ไต่สวน → รับคำสั่งศาล
ไม่ปล่อยลูกความทำเองลำพัง
ลูกความหลายรายบอกว่า
“เรื่องที่เคยคิดว่ายาก กลายเป็นจัดการได้ง่ายขึ้นมาก”
เกี่ยวกับคดีมรดก ทำไมต้องให้ทนายอริสาดูแล
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
คำถามที่ 1:
ถ้าถูกแจ้งข้อหา หรือได้รับหมายเรียก ต้องทำอย่างไรเป็นอันดับแรก?
คำตอบ:
อันดับแรก อย่าไปให้ปากคำตามลำพัง
เพราะคำพูดทุกคำอาจถูกใช้เป็นหลักฐานในคดีได้
ทนายอริสาจะช่วย
ประเมินข้อกล่าวหา
แนะนำว่าจะ ควรให้การอย่างไร
อยู่ด้วยในขั้นตอนสอบสวน
เพื่อ ป้องกันการเสียเปรียบตั้งแต่ต้น
ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของคดีอาญา
คำถามที่ 2:
ทนายอริสาเชี่ยวชาญคดีอาญาแบบไหน?
คำตอบ:
ทนายอริสามีประสบการณ์ในคดี
หมิ่นประมาท / โพสต์ในโซเชียล / พรบ.คอมพิวเตอร์
ฉ้อโกง ยักยอก ทรัพย์
ทำร้ายร่างกาย อุบัติเหตุ
รวมถึง คดีที่ต้องต่อรองหรือไกล่เกลี่ยเพื่อลดโทษ
จุดเด่นคือ วิเคราะห์หลักฐานอย่างเป็นระบบ และเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละคดี
คำถามที่ 3:
ถ้าคดียังไม่ถึงศาล ทนายช่วยอะไรได้บ้าง?
คำตอบ:
ช่วยได้มากที่สุดในช่วงนี้เลยค่ะ
เพราะคดีส่วนใหญ่จะ “ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ” ก็จาก ชั้นสอบสวน
ทนายอริสาจะช่วย
เตรียมพยานและหลักฐาน
แนะนำวิธีให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน
ประสานงานระหว่างคู่กรณีถ้าต้องการไกล่เกลี่ย
เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ให้คดีบานปลายโดยไม่จำเป็น
คำถามที่ 4:
ถ้าต้องขึ้นศาล ทนายอริสาดูแลยังไง?
คำตอบ:
ทนายจะ
ร่างคำให้การ
เตรียมพยานบุคคล / พยานเอกสาร
ซักค้านอย่างตรงประเด็น
วางแนวทางต่อสู้คดีทีละขั้น
ทุกอย่างทำ แบบเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ไปนั่งในห้องพิจารณา
ลูกความจะรู้ว่าจะต้องพูดอะไร ทำอะไร และเตรียมตัวยังไงก่อนเข้าศาลทุกครั้ง
คำถามที่ 5:
ทำไมคดีอาญาในจังหวัดฉะเชิงเทราต้องเลือกทนายอริสา?
คำตอบ:
คดีอาญาเกี่ยวข้องกับ อิสรภาพ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่
ทนายอริสา
ใส่ใจรายละเอียด
พูดคุยกับลูกความเองทุกเคส
ไม่เร่งฟ้อง ไม่ชี้นำ
ให้คำแนะนำตาม “โอกาสและความเสี่ยงจริง”
และที่สำคัญ
ทนายทำงานแบบเป็นเพื่อนร่วมสู้ ไม่ปล่อยให้สู้คดีคนเดียว
ลูกความหลายคนบอกว่า
“ในวันที่เครียดที่สุด สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุด คือการมีทนายที่อธิบายทุกอย่างให้เข้าใจ และยืนอยู่ข้างเรา”
เกี่ยวกับคดีอาญา ทำไมต้องให้ทนายอริสาเป็นทนายความ
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
คำถามที่ 1:
ซื้อ–ขายที่ดินกันเองโดยไม่มีสัญญาแบบเป็นทางการ จะมีปัญหาในภายหลังหรือไม่?
คำตอบ:
มีโอกาสเกิดปัญหาสูงค่ะ เพราะเรื่องที่ดินต้องอาศัย หลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องดำเนินการ โอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินเท่านั้น
หากมีเพียง “ข้อตกลงปากเปล่า” หรือ “ใบรับเงินธรรมดา” อาจถูกยกขึ้นต่อสู้เรื่องสิทธิภายหลังได้
แนะนำให้ทนายช่วยจัดทำสัญญาให้ ถูกต้องตามกฎหมายและผลประโยชน์ไม่เสียเปรียบ
คำถามที่ 2:
ที่ดินมีชื่อร่วมหลายคน แต่บางคนไม่ยอมแบ่งหรือไม่ให้ความร่วมมือ ต้องทำอย่างไร?
คำตอบ:
กรณีที่ดินมีชื่อร่วมหลายคน (กรรมสิทธิ์รวม) และตกลงกันไม่ได้
สามารถดำเนินการ ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์และแบ่งรวม–แบ่งแยกที่ดินต่อศาล ได้
เมื่อศาลมีคำสั่งแล้ว สำนักงานที่ดินจะดำเนินการแบ่งตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ
ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนยินยอม
ทนายอริสาจะประเมินว่า ควรเจรจาหรือควรฟ้อง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาของลูกความ
คำถามที่ 3:
ถ้าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ เช่น นส.3 / นส.3ก / สค.1 / ภบท.5 จะสามารถยื่นขอออกโฉนดได้หรือไม่?
คำตอบ:
สามารถดำเนินการได้ แต่ต้อง
ตรวจสอบประวัติการครอบครอง
ตรวจสอบแนวเขต
ประสานพยานในพื้นที่
ยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดิน
ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ต้องดูพื้นที่เป็นรายอำเภอ เพราะบางพื้นที่มีเขตป่าสงวน เขตเวนคืน หรือประกาศหวงห้าม
ทนายอริสาจะช่วยตรวจสอบข้อมูลก่อนยื่น เพื่อไม่ให้เสียเวลาและลดความเสี่ยงถูกปฏิเสธคำขอ
คำถามที่ 4:
กรณีถูกบุกรุกที่ดิน จะเริ่มดำเนินการอย่างไร?
คำตอบ:
ต้อง เก็บหลักฐานก่อน เช่น
แผนที่ระวาง
รูปถ่ายพื้นที่
หนังสือแจ้งรังวัด
จากนั้นจึงแจ้งความ ข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา และ/หรือ ฟ้องขับไล่ในศาลแพ่ง
ทนายอริสาจะวางแผนทั้ง ทางแพ่งและอาญาควบคู่กัน เพื่อให้เรื่องเดินเร็วและมีผลบังคับจริง
คำถามที่ 5:
ทำไมคดีที่ดินในฉะเชิงเทราต้องให้ทนายอริสาช่วยดูแล?
คำตอบ:
เพราะคดีที่ดินขึ้นอยู่กับ
ข้อมูลเชิงพื้นที่
หน่วยงานจังหวัดฉะเชิงเทรา
การประสานงานสำนักงานที่ดินท้องที่
ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ต้องรู้จากประสบการณ์จริง
ทนายอริสาเป็นทนาย ในพื้นที่ ประสานงานกับสำนักงานที่ดิน ศาล และหน่วยงานรัฐในฉะเชิงเทราได้รวดเร็ว
ช่วยให้การดำเนินคดี ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และลดค่าใช้จ่ายการเดินเรื่องอย่างมาก
เกี่ยวกับคดีที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา
📍 ข้อมูลติดต่อทนายอริสา – จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทนายอริสา ไกรสุวรรณโสภิต
สมาชิกเครือข่ายทนายความ จังหวัดฉะเชิงเทรา
โทร: 02 114 7521
มือถือ: 062 1122 333
LINE: Arisa_akikum
อีเมล: arisa_law579@icloud.com
เว็บไซต์: https://www.ทนายอริสา.com
เกี่ยวกับคดีครอบครัว
คำถามที่ 1:
สามีภรรยาอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ถ้ามีลูกด้วยกัน ลูกจะมีสิทธิ์ใช้นามสกุลพ่อได้ไหม?
✅ คำตอบ:
ถ้าพ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เด็กจะถือว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ “แม่” เท่านั้น
พ่อจะต้อง จดทะเบียนรับรองบุตร ที่อำเภอ หรือได้รับคำพิพากษาศาลให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายก่อน
จึงจะมีสิทธิตามกฎหมาย เช่น ใช้นามสกุลพ่อ หรือให้พ่อมีอำนาจปกครองร่วมกับแม่ได้
📌 สรุป:
พ่อจะต้องดำเนินการ “รับรองบุตร” ก่อน เด็กจึงจะมีสิทธิ์ใช้นามสกุลของพ่อได้
คำถามที่ 2:
จดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ฝ่ายหนึ่งมีชู้หรืออยู่กินกับคนอื่น สามารถฟ้องหย่าได้หรือไม่?
✅ คำตอบ:
ฟ้องหย่าได้ครับ เพราะเข้าข่ายเป็น เหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (1)
คือ “สามีหรือภรรยาประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือมีชู้”
ผู้เสียหายสามารถฟ้องหย่า และฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่เป็นชู้ได้ด้วย
คำถามที่ 3:
หลังหย่า ลูกจะอยู่กับใคร และใครมีสิทธิปกครองลูก?
✅ คำตอบ:
ถ้าศาลพิพากษาให้หย่า ศาลจะพิจารณา “อำนาจปกครองบุตร” ตามประโยชน์สูงสุดของเด็ก
อาจให้พ่อหรือแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ปกครอง หรือให้ปกครองร่วมกันก็ได้
ทั้งนี้ ผู้ไม่มีอำนาจปกครองยังคงต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูตามสมควร
📌 สรุป:
ศาลจะตัดสินตามประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก ไม่ได้ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยอัตโนมัติ
คำถามที่ 4:
ไม่จดทะเบียนสมรส แต่ซื้อทรัพย์สินร่วมกัน เช่น บ้าน รถ เงินฝาก แบบนี้แบ่งกันได้ไหมถ้าเลิกกัน?
✅ คำตอบ:
ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส กฎหมายจะไม่ถือว่าเป็นสินสมรส
แต่สามารถแบ่งทรัพย์สินได้ตามหลัก “ภาระร่วม” หรือ “ร่วมลงทุน”
โดยใช้หลักฐาน เช่น ใบโอนเงิน สัญญา หรือคำให้การพยานแสดงว่าร่วมกันได้มา
📌 สรุป:
แบ่งได้ แต่ไม่ใช่ตามกฎหมายครอบครัว ต้องอาศัยหลักฐานการมีส่วนร่วมแทน
คำถามที่ 5:
พ่อหรือแม่ไม่ส่งค่าเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า จะฟ้องร้องได้ไหม?
✅ คำตอบ:
สามารถฟ้องร้องได้ครับ โดยฟ้องให้ชำระ “ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร” ตามมาตรา 1563 และ 1564
ศาลอาจสั่งให้ชำระเป็นรายเดือน หรือรวมยอดที่ค้างทั้งหมดก็ได้
หากมีคำพิพากษาแล้วไม่จ่าย สามารถยึดทรัพย์หรืออายัดบัญชีได้
📌 สรุป:
พ่อแม่มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องอุปการะบุตร แม้จะหย่าขาดจากกันแล้วก็ตาม
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
เกี่ยวกับคดีกู้ยืมเงินนอกระบบ
คำถามที่ 1:
ถ้าไปกู้เงินนอกระบบ แล้วเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อวัน ผิดกฎหมายไหม?
✅ คำตอบ:
ผิดกฎหมายครับ เพราะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654
กำหนดให้คิดดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปีเท่านั้น
หากคิดเกินถือเป็น ดอกเบี้ยเกินอัตรา และไม่มีผลผูกพันในส่วนที่เกิน
เจ้าหนี้อาจถูกดำเนินคดีอาญาตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560
📌 สรุป:
ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อวันถือว่าผิดกฎหมาย และลูกหนี้ไม่ต้องชำระส่วนเกินนั้น
คำถามที่ 2:
ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ มีแต่แชตหรือสลิปโอนเงิน สามารถใช้ฟ้องได้ไหม?
✅ คำตอบ:
สามารถฟ้องได้ครับ หากมี พยานหลักฐานอื่น เช่น สลิปการโอนเงิน ข้อความแชต หรือพยานบุคคล
ซึ่งศาลสามารถรับฟังเป็นพยานแวดล้อมและใช้ประกอบคำพิพากษาได้
แต่ถ้าเกิน 2,000 บาท ควรมี “หลักฐานเป็นหนังสือ” ตามมาตรา 653
ดังนั้นจึงควรให้ทนายช่วยจัดทำ “คำฟ้องคดีกู้ยืม” โดยแนบหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ประกอบ
📌 สรุป:
ไม่มีสัญญาก็ฟ้องได้ หากมีหลักฐานชัดเจน เช่น แชตและหลักฐานการโอนเงิน
คำถามที่ 3:
เจ้าหนี้นอกระบบมาข่มขู่ ทำร้าย หรือโพสต์ประจานในโซเชียล แจ้งความได้ไหม?
✅ คำตอบ:
แจ้งความได้ครับ เพราะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา หลายมาตรา เช่น
ข่มขู่ให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย มาตรา 392
หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 328
หรือถึงขั้นทำร้ายร่างกาย มาตรา 295
สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ
📌 สรุป:
การข่มขู่หรือประจานลูกหนี้ เป็นความผิดอาญา แจ้งความได้ทันที
คำถามที่ 4:
ถ้าเจ้าหนี้เอาบัตรประชาชนหรือสมุดบัญชีไปยึดไว้เป็นหลักประกัน ต้องทำอย่างไร?
✅ คำตอบ:
ถือว่าผิดกฎหมายครับ เพราะ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4 (2)
ห้ามมิให้เจ้าหนี้ยึดหรือเก็บเอกสารของลูกหนี้ไว้เป็นประกันการชำระหนี้
ลูกหนี้สามารถร้องเรียนต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือสถานีตำรวจได้
📌 สรุป:
การยึดบัตรประชาชนหรือสมุดบัญชีเป็นการกระทำผิด ลูกหนี้สามารถร้องเรียนได้ทันที
คำถามที่ 5:
ถ้ากู้เงินนอกระบบไปแล้ว อยากฟ้องคืนดอกเบี้ยส่วนที่เกิน จะทำได้ไหม?
✅ คำตอบ:
ทำได้ครับ โดยสามารถฟ้องเรียกคืน “ดอกเบี้ยที่เกินอัตรา”
ตามหลัก ลาภมิควรได้ มาตรา 406 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แต่ต้องมีหลักฐานแสดงว่าชำระดอกเบี้ยเกินจริง เช่น สลิปโอนเงินหรือข้อความแชต
ศาลสามารถสั่งให้คืนเฉพาะส่วนที่เกินจากอัตราที่กฎหมายกำหนด
📌 สรุป:
ลูกหนี้มีสิทธิ์เรียกคืนดอกเบี้ยส่วนเกินได้ หากมีหลักฐานการจ่ายที่ชัดเจน
คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อย
ติดต่อ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร
อีเมล
มือถือ: 062-1122-333
LINE ID: Arisa_akikum
เว็บไซต์: https://www.ทนายอริสา.com
© 2025. All rights reserved.
อีเมล: arisa_law579@icloud.com